Last updated: 31 ก.ค. 2567 | 186 จำนวนผู้เข้าชม |
RADIESSE+ คืออะไร? หมอเด่นมีคำตอบ
RADIESSE+ คืออะไร?
Radiesse+ คือ สารฉีดปรับกรอบหน้าชัด สร้างมิติให้ใบหน้า ที่ประกอบไปด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 อย่าง
อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าภาพของ Radiesse+ ยังไม่ชัดพอ ขอสรุปง่ายๆ แบบนี้ว่า Radiesse+ ให้ผลลัพธ์ในแบบที่เป็นทั้ง HA filler และ biostimulators พร้อมๆกันจากการฉีดตัวยาเพียง 1 ตัวและใน 1 ครั้ง
หมอเด่นจึงให้นิยาม Radiesse+ ว่า Beyond Filler and Biostimulator เป็นตัวยาที่เหนือกว่าฟิลเลอร์และไบโอสติมิวเลเตอร์
Radiesse Classic และ Radiesse+ ต่างกันอย่างไร ?
หลายคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Radiesse Classic และ Radiesse+ มีข้อแตกต่างกันตรงไหน จริงๆแล้วเราสามารถจำแนกง่ายๆได้ตั้งแต่วัตถุประสงค์การของการเติม ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้
Radiesse Classic มีวัตถุประสงค์ในการฟื้นฟูปรับโครงสร้างให้ผิวกลับไปย้อนวัย โดยใน 1กล่องจะมีปริมาณอยู่ที่ 1.5 cc ซึ่งจะถูกผสมให้เป็นอัตราส่วน 1:1 หรือ 1:2 เพื่อให้เกิดปริมาณ 3 cc หรือมากกว่านั้น เมื่อผสมเสร็จตัวยานั้นจะกลายเป็นตัวยาสำหรับเพิ่มคุณภาพผิว หรือ Regenerative Biostimulator ลักษณะของการฉีด คุณหมอจะฉีดแบบวางตัวยากระจายทั่วหน้าเรียกว่า “Global Biostimulator” เพื่อทำให้คุณภาพผิวดีขึ้นทั่วใบหน้า แต่ในเรื่องของหน้ายก (lifting) และ ความคงตัว (Volume) จะเห็นผลน้อย ยกเว้นว่าคุณหมอผู้ที่เป็นคนทำหัตถการจะผสมตัวยาในความเข้มข้นสูง เช่น การผสมแบบ 1:1 ก็จะเห็นเอฟเฟคเหมือนฟิลเลอร์บ้างเล็กน้อย
Radiesse+ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด นอกจากนี้ยังมียาชาเพิ่มเข้ามาในตัว โดยใน 1 กล่องจะมีปริมาณ 1.5 cc เช่นเดียวกับ Radiesse Classic แต่จะไม่มีการผสมตัวยาใดๆ เพิ่มเข้าไป ดังนั้นปริมาณในการฉีดจะเท่ากับ 1.5 cc ซึ่งให้คุณสมบัติทั้ง Filler และ Biostimulator ลักษณะของการฉีดจะเป็นการวางตัวยาเฉพาะจุดในบริเวณแนวกระดูกโหนกแก้มและแนวกระดูกขากรรไกร เรียกว่า “Focal Biostimulator” เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ 2 ประการ
Radiesse Classic และ Radiesse Plus จึงมีข้อแตกต่างกันตั้งแต่วัตถุประสงค์ในการใช้ ว่าเราหวังผลในเรื่องอะไร หากต้องการผลลัพธ์ในเรื่องของ คุณภาพผิว (Skin Quality) การเลือก Radiesse Classic จึงเป็นคำตอบ แต่หากต้องการได้ผลลัพธ์ หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด ต้องเลือก Radiesse+ เพราะ Biostimulator ตัวอื่นไม่สามารถทำได้
แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (CaHA) มีประโยชน์อย่างไร ?
รู้ก่อน แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ คืออะไร?
แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ คือ แคลเซียมชนิดเดียวกับที่มีในกระดูกและฟันของมนุษย์ ดังนั้นจึงมีความเข้ากันกับเนื้อเยื่อของมนุษย์ และมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉีด RADIESSE หรือ RADIESSE+ แล้ว ไม่ก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบขึ้นเหมือนการฉีด Biostimulators ตัวอื่นๆ
หลักการทำงาน ของ แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์
เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิว แคลเซียมจะทำงานคล้ายนั่งร้าน (Scaffold) ให้ไฟโบรบลาสต์ในผิวมาเกาะ ช่วยให้ไฟโบรบลาสต์เก่าที่ไม่ทำงานแล้ว กลับมา Active อีกครั้ง ส่งผลให้เกิดการกระตุ้น "การสร้างคอลลาเจนขึ้น" โดยกระตุ้น Collagen Type 1 มากถึง 130% และ Collagen Type 3 มากถึง 150% ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่ม Elastin ช่วยผิวยืดหยุ่นตัวมากขึ้นถึง 260% พร้อมเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงผิว และสร้างเส้นเลือดใหม่ ช่วยพาสารอาหารผิวที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวได้มากขึ้น มอบผลลัพธ์ผิวที่ดี มีคุณภาพได้นั่นเอง
“แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ มีดีมากกว่าแค่งานผิว”
ในมุมของ RADIESSE+ แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์จะช่วยสร้างผลลัพธ์แบบ Focal Biostimulator คือสามารถก่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุด ตามแนวที่วางตัวยาอย่าง Cheek Bone และ Jawline ได้ ช่วยขึงตรึงผิว ให้ผิวหน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด ใบหน้ามีมิติมากขึ้น พร้อมยังแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดปัญหาแก้มห้อย ลดปัญหาร่องแก้มลึก ร่องมุมปากลึกได้ด้วย แม้จะไม่ได้ฉีดในบริเวณเหล่านั้นก็ตาม จึงเป็นเหตุผลที่ว่า “แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ มีประโยชน์มากกว่าแค่งานผิว”
ทำไม RADIESSE+ ต้องฉีดที่ Cheekbone และ JawLine เท่านั้น
" RADIESSE+ ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ให้เกิด Focal Biostimulation หรือการกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุด "
Radiesse+ จึงมีความจำเป็นที่ต้องวางในบริเวณ Cheek bone (แนวกระดูกโหนกแก้ม) และบริเวณ Jawline (แนวกระดูกขากรรไกร) เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุด Fixed Point ที่ตัวยาสามารถเกาะและไม่เกิดการขยับเขยื้อน ส่งผลให้เมื่อแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์เริ่มทำงาน คอลลาเจนและอีลาสตินจึงถูกสร้างขึ้นเฉพาะจุด (Focal Biostimulation) ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ปริมาณของคอลลาเจนและอีลาสตินจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวจึงถูกขึงตรึงมากขึ้นๆ จนเกิด lift ให้เราเห็นและโครงหน้าจะเกิด contour มากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจึงเกิด Lift&Contourชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของ RADIESSE+
Z line lift and contour คืออะไร ?
หลายคนที่สงสัย ว่าอะไรคือ Z line lift and contour ? ลองฟังจากคลิปนี้เลยค่ะ
ด้วย ตัวยา Radiesse+ ที่สามารถสร้างจุดตรึงผิวขึ้นมา ด้วยการฉีดเพียง ตำแหน่งเท่านั้น คือ บริเวณกระดูกโหนกแก้ม (Cheek bone) กับตามแนวกระดูกขากรรไกรล่าง (Jawline หรือMandible) หากลองขีดเส้นเชื่อมทั้ง 2 จุด จะดูคล้ายกับตัว "Z" ทำให้ตำแหน่งการฉีดนี้มีชื่อเรียกว่า "Z line"
ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงแต่งหน้าก็จะมีการ Contour ตามแนว Z line ให้เข้มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างกรอบหน้า และทำให้หน้าดูเรียวยิ่งขึ้น ซึ่ง Radiesse+ เองก็มีคอนเซ็ปต์คล้ายกัน ที่ต้องการทำให้ใบหน้าเกิดมิติ เพิ่มเส้นกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น เพียงแต่ใช้อุปกรณ์ที่ต่างกัน
จึงเป็นที่มาของเทคนิค Z line lift & contour ที่จะทำการฉีดแค่บริเวณ Z line เท่านั้น แต่ให้ถึง 2 ผลลัพธ์
โดยถึงแม้จะฉีดเพียง 2 ตำแหน่ง ผิวโดยรอบจุดฉีดก็สามารถได้รับการแก้ไข และเกิดความตึงเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน จากคุณสมบัติพิเศษของ Radiesse+ ที่มีความหนืด และความยืดหยุ่นสูง ทำให้เกิด Focal Biostmulation (โฟคอล ไบโอสติมิวเลชั่น) หรือ การกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุดที่บริเวณ Z line ซึ่งจะคล้ายกับการขันน็อตตรงที่ฉีด ที่ยิ่งขันแน่น ผิวโดยรอบก็ยิ่งมีความตึงเพิ่มขึ้น
สุดท้ายแล้วปลายทางของผลลัพธ์คือ ใบหน้าเกิดการยก (lifting) และโครงสร้างของใบหน้าที่คมชัดขึ้น สมกับคำว่า "หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด" นอกจากนั้นหากต้องการการกระตุ้นในบริเวณอื่นนอกเหนือจาก Z line ก็ยังสามารถเลือกฉีด Radiesse Classic หรือ Biostmulator ตัวอื่นๆ อย่าง Sculptra ได้เช่นกัน
16 ก.ค. 2567
18 ก.ค. 2567
25 ต.ค. 2566
8 ก.ค. 2567