ตอบทุกข้อสงสัย เกี่ยวกับ Radiesse+

Last updated: 31 ก.ค. 2567  |  185 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ตอบทุกข้อสงสัย เกี่ยวกับ Radiesse+

RADIESSE+ คืออะไร? หมอเด่นมีคำตอบ


RADIESSE+ คืออะไร?

Radiesse+ คือ สารฉีดปรับกรอบหน้าชัด สร้างมิติให้ใบหน้า ที่ประกอบไปด้วยส่วนประกอบสำคัญ 3 อย่าง

  1. CaHA (Calcium Hydroxylapatite; แคลเซียมไฮดรอกซีลอะพาไทต์) ทำหน้าที่เป็น Biostimulator ช่วยสร้างคอลลาเจน อีลาสติน โปรติโอไกลแคนและสร้างเส้นเลือดใหม่ ทำให้เกิดการ lift & contour ให้ใบหน้าได้ยาวนานถึง 2 ปี
  2. CMC Gel (โซเดียม คาร์บอกซิลเมทิล เซลลูโลส) ทำหน้าที่คล้าย HA ฟิลเลอร์แต่มี lifting power มากกว่า HA ฟิลเลอร์ถึง 100% ช่วยสร้างโครงหน้าบริเวณ cheek bone และ jaw line ทำให้เกิด lift & contour ทันทีหลังฉีด
  3. ยาชาแบบผง ช่วยลดความเจ็บในขณะฉีด Radiesse+ โดยไม่สูญเสีย viscosity และ elasticity ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในการ lift & contour

อ่านมาถึงตรงนี้ ถ้าภาพของ Radiesse+ ยังไม่ชัดพอ ขอสรุปง่ายๆ แบบนี้ว่า Radiesse+ ให้ผลลัพธ์ในแบบที่เป็นทั้ง HA filler และ biostimulators พร้อมๆกันจากการฉีดตัวยาเพียง 1 ตัวและใน 1 ครั้ง
 
หมอเด่นจึงให้นิยาม Radiesse+ ว่า Beyond Filler and Biostimulator เป็นตัวยาที่เหนือกว่าฟิลเลอร์และไบโอสติมิวเลเตอร์

Radiesse Classic และ Radiesse+ ต่างกันอย่างไร ?

หลายคนอาจจะสงสัยว่าระหว่าง Radiesse Classic และ Radiesse+ มีข้อแตกต่างกันตรงไหน จริงๆแล้วเราสามารถจำแนกง่ายๆได้ตั้งแต่วัตถุประสงค์การของการเติม ซึ่งสามารถแบ่งได้ ดังนี้

Radiesse Classic มีวัตถุประสงค์ในการฟื้นฟูปรับโครงสร้างให้ผิวกลับไปย้อนวัย โดยใน 1กล่องจะมีปริมาณอยู่ที่ 1.5 cc ซึ่งจะถูกผสมให้เป็นอัตราส่วน 1:1 หรือ 1:2 เพื่อให้เกิดปริมาณ 3 cc หรือมากกว่านั้น เมื่อผสมเสร็จตัวยานั้นจะกลายเป็นตัวยาสำหรับเพิ่มคุณภาพผิว หรือ Regenerative Biostimulator  ลักษณะของการฉีด คุณหมอจะฉีดแบบวางตัวยากระจายทั่วหน้าเรียกว่า “Global Biostimulator” เพื่อทำให้คุณภาพผิวดีขึ้นทั่วใบหน้า แต่ในเรื่องของหน้ายก (lifting) และ ความคงตัว (Volume) จะเห็นผลน้อย ยกเว้นว่าคุณหมอผู้ที่เป็นคนทำหัตถการจะผสมตัวยาในความเข้มข้นสูง เช่น การผสมแบบ 1:1 ก็จะเห็นเอฟเฟคเหมือนฟิลเลอร์บ้างเล็กน้อย
 
Radiesse+ มีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด นอกจากนี้ยังมียาชาเพิ่มเข้ามาในตัว โดยใน 1 กล่องจะมีปริมาณ 1.5 cc เช่นเดียวกับ Radiesse Classic แต่จะไม่มีการผสมตัวยาใดๆ เพิ่มเข้าไป ดังนั้นปริมาณในการฉีดจะเท่ากับ 1.5 cc ซึ่งให้คุณสมบัติทั้ง Filler และ Biostimulator ลักษณะของการฉีดจะเป็นการวางตัวยาเฉพาะจุดในบริเวณแนวกระดูกโหนกแก้มและแนวกระดูกขากรรไกร เรียกว่า “Focal Biostimulator” เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ 2 ประการ

  1. การยกหน้า (Lift)
  2. ทำให้เห็นเส้นขอบเขตของหน้าชัด (Contour)
ดังนั้น จึงไม่เหมือนการฉีด Biostimulator ทั่วไป ซึ่งหวังผลให้เกิดการสร้างของคอลลาเจน (Collagen) และอีลาสติน (Elastin) แบบทั่วๆไป แต่เป็นการกระตุ้นคอลลาเจน (Collagen) อีลาสติน (Elastin)เฉพาะจุด หลังทำ 3 เดือน เซลล์ผิวจะกระตุ้นคอลลาเจนมากขึ้นเรื่อยๆตามแนวการวางตัวยา จึงทำให้เกิดเอฟเฟคการดึงและตรึงผิวที่อยู่ระหว่างแนวกระดูกโหนกแก้มและแนวกระดูกขากรรไกรและจะตรึงผิวแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามปริมาณคอลลาเจนที่เพิ่มขี้น ซึ่งเหมือนกับการปรับสายกีต้าร์ให้ตึงขึ้น และสายกีต้าร์นั้นเปรียบเสมือนผิวของเรา

Radiesse Classic และ Radiesse Plus จึงมีข้อแตกต่างกันตั้งแต่วัตถุประสงค์ในการใช้ ว่าเราหวังผลในเรื่องอะไร หากต้องการผลลัพธ์ในเรื่องของ คุณภาพผิว (Skin Quality) การเลือก Radiesse Classic จึงเป็นคำตอบ แต่หากต้องการได้ผลลัพธ์ หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด ต้องเลือก Radiesse+ เพราะ Biostimulator ตัวอื่นไม่สามารถทำได้

แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ (CaHA) มีประโยชน์อย่างไร ?

รู้ก่อน แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ คืออะไร?
แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์  คือ แคลเซียมชนิดเดียวกับที่มีในกระดูกและฟันของมนุษย์ ดังนั้นจึงมีความเข้ากันกับเนื้อเยื่อของมนุษย์ และมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมฉีด RADIESSE หรือ RADIESSE+ แล้ว ไม่ก่อให้เกิดกระบวนการอักเสบขึ้นเหมือนการฉีด Biostimulators ตัวอื่นๆ

หลักการทำงาน ของ แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์

เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิว แคลเซียมจะทำงานคล้ายนั่งร้าน (Scaffold) ให้ไฟโบรบลาสต์ในผิวมาเกาะ ช่วยให้ไฟโบรบลาสต์เก่าที่ไม่ทำงานแล้ว กลับมา Active อีกครั้ง ส่งผลให้เกิดการกระตุ้น "การสร้างคอลลาเจนขึ้น" โดยกระตุ้น Collagen Type 1 มากถึง 130% และ Collagen Type 3 มากถึง 150% ช่วยฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพให้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่ม Elastin ช่วยผิวยืดหยุ่นตัวมากขึ้นถึง 260% พร้อมเพิ่มน้ำหล่อเลี้ยงผิว และสร้างเส้นเลือดใหม่ ช่วยพาสารอาหารผิวที่มีประโยชน์เข้าสู่ชั้นผิวได้มากขึ้น มอบผลลัพธ์ผิวที่ดี มีคุณภาพได้นั่นเอง

“แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ มีดีมากกว่าแค่งานผิว”

ในมุมของ RADIESSE+ แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์จะช่วยสร้างผลลัพธ์แบบ Focal Biostimulator คือสามารถก่อให้เกิดการกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุด ตามแนวที่วางตัวยาอย่าง Cheek Bone และ Jawline ได้ ช่วยขึงตรึงผิว ให้ผิวหน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด ใบหน้ามีมิติมากขึ้น พร้อมยังแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อย ลดปัญหาแก้มห้อย ลดปัญหาร่องแก้มลึก ร่องมุมปากลึกได้ด้วย แม้จะไม่ได้ฉีดในบริเวณเหล่านั้นก็ตาม จึงเป็นเหตุผลที่ว่า “แคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์ มีประโยชน์มากกว่าแค่งานผิว”

ทำไม RADIESSE+ ต้องฉีดที่ Cheekbone และ JawLine เท่านั้น

RADIESSE+ ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์ให้เกิด Focal Biostimulation หรือการกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุด " 

Radiesse+ จึงมีความจำเป็นที่ต้องวางในบริเวณ Cheek bone (แนวกระดูกโหนกแก้ม) และบริเวณ Jawline (แนวกระดูกขากรรไกร) เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุด Fixed Point ที่ตัวยาสามารถเกาะและไม่เกิดการขยับเขยื้อน ส่งผลให้เมื่อแคลเซียมไฮดรอกซิลอะพาไทต์เริ่มทำงาน คอลลาเจนและอีลาสตินจึงถูกสร้างขึ้นเฉพาะจุด (Focal Biostimulation) ผลลัพธ์ที่ได้ คือ ปริมาณของคอลลาเจนและอีลาสตินจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวจึงถูกขึงตรึงมากขึ้นๆ จนเกิด lift ให้เราเห็นและโครงหน้าจะเกิด contour มากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าจึงเกิด Lift&Contourชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของ RADIESSE+

Z line lift and contour คืออะไร ?

หลายคนที่สงสัย ว่าอะไรคือ Z line lift and contour ? ลองฟังจากคลิปนี้เลยค่ะ

ด้วย ตัวยา Radiesse+ ที่สามารถสร้างจุดตรึงผิวขึ้นมา ด้วยการฉีดเพียง ตำแหน่งเท่านั้น คือ บริเวณกระดูกโหนกแก้ม (Cheek bone) กับตามแนวกระดูกขากรรไกรล่าง (Jawline หรือMandible) หากลองขีดเส้นเชื่อมทั้ง 2 จุด จะดูคล้ายกับตัว "Z"  ทำให้ตำแหน่งการฉีดนี้มีชื่อเรียกว่า "Z line"

ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงแต่งหน้าก็จะมีการ Contour ตามแนว Z line ให้เข้มขึ้นเพื่อเป็นการสร้างกรอบหน้า และทำให้หน้าดูเรียวยิ่งขึ้น ซึ่ง Radiesse+ เองก็มีคอนเซ็ปต์คล้ายกัน ที่ต้องการทำให้ใบหน้าเกิดมิติ เพิ่มเส้นกรอบหน้าให้ชัดเจนขึ้น เพียงแต่ใช้อุปกรณ์ที่ต่างกัน

จึงเป็นที่มาของเทคนิค Z line lift & contour ที่จะทำการฉีดแค่บริเวณ Z line เท่านั้น แต่ให้ถึง 2 ผลลัพธ์

  1. เกิด Z line lift ใบหน้าจะเกิดการยก (lifting) ขึ้นทันทีหลังการฉีด โดยไม่ต้องรอ
  2. เกิด Contour ที่ช่วยเพิ่มเส้นมิติให้กับบริเวณ Z line ซึ่งเป็นการเพิ่มความเรียว ความคมชัด ให้แก่ใบหน้า

โดยถึงแม้จะฉีดเพียง 2 ตำแหน่ง ผิวโดยรอบจุดฉีดก็สามารถได้รับการแก้ไข และเกิดความตึงเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน จากคุณสมบัติพิเศษของ Radiesse+ ที่มีความหนืด และความยืดหยุ่นสูง ทำให้เกิด Focal Biostmulation (โฟคอล ไบโอสติมิวเลชั่น) หรือ การกระตุ้นคอลลาเจนเฉพาะจุดที่บริเวณ Z line ซึ่งจะคล้ายกับการขันน็อตตรงที่ฉีด ที่ยิ่งขันแน่น ผิวโดยรอบก็ยิ่งมีความตึงเพิ่มขึ้น

สุดท้ายแล้วปลายทางของผลลัพธ์คือ ใบหน้าเกิดการยก (lifting) และโครงสร้างของใบหน้าที่คมชัดขึ้น สมกับคำว่า "หน้ายก กรอบหน้าคม โครงหน้าชัด" นอกจากนั้นหากต้องการการกระตุ้นในบริเวณอื่นนอกเหนือจาก Z line ก็ยังสามารถเลือกฉีด Radiesse Classic หรือ Biostmulator ตัวอื่นๆ อย่าง Sculptra ได้เช่นกัน

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้